LINK เครื่องทดสอบสายแลน Network Cable Tester รุ่น TX-1302
รหัสสินค้า : TX-1302
น้ำหนัก : 0.2 กก.
550 บาท
LINK เครื่องทดสอบสายแลน Network Cable Tester รุ่น TX-1302
คุณสมบัติ
1. ใช้สำหรับทดสอบการเชื่อมต่อของสายนำสัญญาณในระบบเครือข่าย
2. ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการเดินสาย 5E, 6E, คู่สายและสายโทรศัพท์
3. ค้นหาจุดที่ผิดพลาดในการเดินสายแลน หรือการเชื่อมต่อระบบเน็ตเวิร์ค
4. รองรับการทดสอบสายแลน UTP / STP / T568A / T568B / Token Ring ,
5. รองรับการทดสอบสายโทรศัพท์ RJ-45, RJ-11, RJ-12
6. พร้อมซองสีดำ สำหรับเก็บอุปกรณ์
7. ใช้ถ่าน 9 โวลท์ ชนิดก้อนสี่เหลี่ยม
8. มีขนาดกะทัดรัด พกพาไปไหนได้สะดวก
9. มีความเที่ยงตรง แม่นยำสูง
คุณสมบัติการใช้งาน เครื่องทดสอบสาย LINK Network Cable Tester
- เป็นอุปกรณ์เช็คสายแลน(LAN) สายแลนมี 8 เส้นเล็กในหนึ่งเส้นใหญ่
ในกรณีที่เกิดการชำรุดในสายใดสายหนึ่งเช่น ขาด เพราะความเสื่อมของสาย
หรือถูกสัตว์แทะ(หนู) สร้างความเสียหายให้กับสาย
- ซึ่งโดยปกติแล้วสายแลนจะเดินไปตามจุดที่ยากต่อการมองเห็น
เช่น ฝ้าเพดาน หรือไม่งั้นก็ฝังลงดิน
- ซึ่งถ้าไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวเช็คแล้ว อาจจะทำให้การตรวจสอบจุดที่ชำรุดเป็นไปได้ยาก
หรือสร้างความบอบช้ำแก่สถานที่ได้ เช่นอาจต้องขุดโดยสุ่มจุดขุดไปเรื่อย ๆ
หรือกรีดฝ้าเพดานไปเรื่อย ๆ เพื่อสุ่มหาจุดที่เป็นปัญหา
- เครื่องมือดังกล่าว สามารถตรวจสอบได้โดยเสียบปลายสายเข้าไปกับตัวเครื่อง
ซึ่งเครื่องจะบอกเองโดยขึ้นค่าว่า สายในเส้นใดชำรุดและอยู่ห่างจากตัวเครื่องเท่าใด
เช็คได้ความยาวทั้งสาย ตลอดม้วนสายแลน
วิธีการใช้งานเบื้องต้น เครื่องทดสอบสาย LINK Network Cable Tester
1. เบื้องต้นตัวเครื่องจะมีสวิตช์ด้านหน้าอยู่สองปุ่ม
สวิตช์แรก POWER ON-OFF เป็นสวิตช์ที่ใช้เปิด-ปิดตัวเครื่อง
สวิตช์ที่สอง TEST ON-OFF เป็นสวิตช์ที่กดเพื่อเริ่มทดสอบ-หยุดทดสอบ
2. เมื่อเราเปิดเครื่องทดสอบแล้วนำสายที่ต้องการจะทดสอบ
มาเสียบที่เครื่องทดสอบทั้งสองข้างเรียบร้อย
3. หลังจากนั้นเริ่มการทดสอบโดยกดปุ่ม TEST ON-OFF
4. แล้วดูผลทดสอบจากสถานะหลอดไฟ LED ซึ่งหลอดไฟของเครื่องทดสอบนี้
จะเป็นแบบสองสีในหลอดเดียว คือ สีเขียวกับสีแดง
5. ไฟแสดงสถานะการทำงาน มีดังนี้
- หลอดไฟแสดงสีเขียว - สถานะปกติ คือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันไม่ขาดและไม่ช็อต
- หลอดไฟแสดงสีแดง - สถานะผิดปกติ คือช็อตหรือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันแต่ไม่ถูกคู่สาย ต้องแก้ไข
- หลอดไฟไม่ติด - สถานะสายขาด คือขั้วต่อหัวท้ายต่อไม่ถึงกันไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ต้องแก้ไข
6. หลอดไฟที่เขียนว่า GND เป็นหลอดที่ใช้ในการทดสอบสาย STP
- หลอดไฟไม่ติด - สถานะสาย UTP (ปกติ)
- หลอดไฟติดสีเขียว - สถานะสาย STP (แต่ถ้าสายที่ทดสอบเป็นสาย STP แล้วไม่ติด
แสดงว่า สายกราวด์ต่อไม่ถึงกันหัวท้าย ต้องแก้ไข)
7. เมื่อทดสอบดูสถานะหลอดไฟแล้ว สุดท้ายต้องดูการเรียงลำดับของหลอดไฟ
- ถ้าหลอดไฟติดเรียงกันไปตามลำดับ เช่น 1&2 3&6 4&5 7&8 แสดงว่าเข้าหัวถูกต้อง ขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกัน
- ถ้าหลอดไฟติดเรียงลำดับกระโดด เช่น 1&2 4&5 3&6 7&8 แสดงว่าต่อสายแบบไขว้ (Cross) นั้นเอง
- ถ้าหลอดไฟติดนอกเหนือกว่านี้ แสดงว่าเข้าหัวผิด
8. นอกจากนี้ยังนำเครื่องไปทดสอบกับสายโทรศัพท์ที่ใช้หัวต่อ RJ11, RJ12 ได้อีกด้วย
แต่หลอดไฟบางหลอดจะหายไปตามจำนวนสายที่เหลือ เช่น RJ11 สาย 4 เส้นจะเหลือแค่ 3&6 4&5 เป็นต้น
คุณสมบัติ
1. ใช้สำหรับทดสอบการเชื่อมต่อของสายนำสัญญาณในระบบเครือข่าย
2. ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการเดินสาย 5E, 6E, คู่สายและสายโทรศัพท์
3. ค้นหาจุดที่ผิดพลาดในการเดินสายแลน หรือการเชื่อมต่อระบบเน็ตเวิร์ค
4. รองรับการทดสอบสายแลน UTP / STP / T568A / T568B / Token Ring ,
5. รองรับการทดสอบสายโทรศัพท์ RJ-45, RJ-11, RJ-12
6. พร้อมซองสีดำ สำหรับเก็บอุปกรณ์
7. ใช้ถ่าน 9 โวลท์ ชนิดก้อนสี่เหลี่ยม
8. มีขนาดกะทัดรัด พกพาไปไหนได้สะดวก
9. มีความเที่ยงตรง แม่นยำสูง
คุณสมบัติการใช้งาน เครื่องทดสอบสาย LINK Network Cable Tester
- เป็นอุปกรณ์เช็คสายแลน(LAN) สายแลนมี 8 เส้นเล็กในหนึ่งเส้นใหญ่
ในกรณีที่เกิดการชำรุดในสายใดสายหนึ่งเช่น ขาด เพราะความเสื่อมของสาย
หรือถูกสัตว์แทะ(หนู) สร้างความเสียหายให้กับสาย
- ซึ่งโดยปกติแล้วสายแลนจะเดินไปตามจุดที่ยากต่อการมองเห็น
เช่น ฝ้าเพดาน หรือไม่งั้นก็ฝังลงดิน
- ซึ่งถ้าไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวเช็คแล้ว อาจจะทำให้การตรวจสอบจุดที่ชำรุดเป็นไปได้ยาก
หรือสร้างความบอบช้ำแก่สถานที่ได้ เช่นอาจต้องขุดโดยสุ่มจุดขุดไปเรื่อย ๆ
หรือกรีดฝ้าเพดานไปเรื่อย ๆ เพื่อสุ่มหาจุดที่เป็นปัญหา
- เครื่องมือดังกล่าว สามารถตรวจสอบได้โดยเสียบปลายสายเข้าไปกับตัวเครื่อง
ซึ่งเครื่องจะบอกเองโดยขึ้นค่าว่า สายในเส้นใดชำรุดและอยู่ห่างจากตัวเครื่องเท่าใด
เช็คได้ความยาวทั้งสาย ตลอดม้วนสายแลน
วิธีการใช้งานเบื้องต้น เครื่องทดสอบสาย LINK Network Cable Tester
1. เบื้องต้นตัวเครื่องจะมีสวิตช์ด้านหน้าอยู่สองปุ่ม
สวิตช์แรก POWER ON-OFF เป็นสวิตช์ที่ใช้เปิด-ปิดตัวเครื่อง
สวิตช์ที่สอง TEST ON-OFF เป็นสวิตช์ที่กดเพื่อเริ่มทดสอบ-หยุดทดสอบ
2. เมื่อเราเปิดเครื่องทดสอบแล้วนำสายที่ต้องการจะทดสอบ
มาเสียบที่เครื่องทดสอบทั้งสองข้างเรียบร้อย
3. หลังจากนั้นเริ่มการทดสอบโดยกดปุ่ม TEST ON-OFF
4. แล้วดูผลทดสอบจากสถานะหลอดไฟ LED ซึ่งหลอดไฟของเครื่องทดสอบนี้
จะเป็นแบบสองสีในหลอดเดียว คือ สีเขียวกับสีแดง
5. ไฟแสดงสถานะการทำงาน มีดังนี้
- หลอดไฟแสดงสีเขียว - สถานะปกติ คือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันไม่ขาดและไม่ช็อต
- หลอดไฟแสดงสีแดง - สถานะผิดปกติ คือช็อตหรือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันแต่ไม่ถูกคู่สาย ต้องแก้ไข
- หลอดไฟไม่ติด - สถานะสายขาด คือขั้วต่อหัวท้ายต่อไม่ถึงกันไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ต้องแก้ไข
6. หลอดไฟที่เขียนว่า GND เป็นหลอดที่ใช้ในการทดสอบสาย STP
- หลอดไฟไม่ติด - สถานะสาย UTP (ปกติ)
- หลอดไฟติดสีเขียว - สถานะสาย STP (แต่ถ้าสายที่ทดสอบเป็นสาย STP แล้วไม่ติด
แสดงว่า สายกราวด์ต่อไม่ถึงกันหัวท้าย ต้องแก้ไข)
7. เมื่อทดสอบดูสถานะหลอดไฟแล้ว สุดท้ายต้องดูการเรียงลำดับของหลอดไฟ
- ถ้าหลอดไฟติดเรียงกันไปตามลำดับ เช่น 1&2 3&6 4&5 7&8 แสดงว่าเข้าหัวถูกต้อง ขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกัน
- ถ้าหลอดไฟติดเรียงลำดับกระโดด เช่น 1&2 4&5 3&6 7&8 แสดงว่าต่อสายแบบไขว้ (Cross) นั้นเอง
- ถ้าหลอดไฟติดนอกเหนือกว่านี้ แสดงว่าเข้าหัวผิด
8. นอกจากนี้ยังนำเครื่องไปทดสอบกับสายโทรศัพท์ที่ใช้หัวต่อ RJ11, RJ12 ได้อีกด้วย
แต่หลอดไฟบางหลอดจะหายไปตามจำนวนสายที่เหลือ เช่น RJ11 สาย 4 เส้นจะเหลือแค่ 3&6 4&5 เป็นต้น